AASTHAI ฮอร์โมน เพาะกาย เพิ่มกล้าม ลดไขมัน บทความ มารู้จัก CJC-1295 (with DAC) (Wellness Peptides) กันเถอะ

มารู้จัก CJC-1295 (with DAC) (Wellness Peptides) กันเถอะ

CJC-1295 (with DAC) คืออะไร

  • เปปไทด์อนาล็อกของ GHRH (Growth Hormone–Releasing Hormone) ที่ถูก “เชื่อมต่อ” ด้วยเทคโนโลยี Drug Affinity Complex; DAC เพื่อให้จับอัลบูมินในเลือดแบบกึ่งถาวร → อยู่ในกระแสเลือดนานขึ้นและกระตุ้นแกน GH–IGF-1 ได้ยืดเยื้อกว่า GHRH ปกติ/แบบ no-DAC (Mod GRF 1-29). ในมนุษย์พบว่าเพิ่ม GH 2–10 เท่าได้นานหลายวันและเพิ่ม IGF-1 1.5–3 เท่าได้นาน ~9–11 วันหลังฉีดเดี่ยว. PubMed

Half-life และเภสัชจลนศาสตร์

  • การศึกษาในมนุษย์รายงาน ครึ่งชีวิตโดยประมาณ 5.8–8.1 วัน หลังฉีดใต้ผิวหนังครั้งเดียว; ยังคงตรวจพบยาได้ ~10–13 วัน. PubMed / U.S. Food and Drug Administration
  • แม้กระตุ้นต่อเนื่อง รูปแบบการหลั่ง GH แบบเป็นจังหวะ (pulsatile) ยังคงอยู่ แต่ระดับ GH พื้นฐาน (trough) สูงขึ้นชัด → ดันค่า IGF-1 ขึ้น. PubMed
  • การเสริม DAC เป็นเหตุให้ครึ่งชีวิตยาวขึ้น (~6–8 วัน) เมื่อเทียบ GHRH ดั้งเดิมที่ครึ่งชีวิตไม่กี่นาที. PMC

ข้อดี/ประโยชน์ (ตามหลักฐาน)

  • ในอาสาสมัครสุขภาพดี: เพิ่ม GH/IGF-1 แบบขึ้นกับขนาดยาและอยู่ได้นาน หลังฉีดครั้งเดียวหรือให้ซ้ำแบบรายสัปดาห์/สองสัปดาห์; ผล IGF-1 สูงกว่าฐานได้นานถึง ~28 วันเมื่อให้หลายครั้ง. PubMed
  • ประเด็นเชิงสรีรวิทยา: แม้กระตุ้นต่อเนื่อง พัลส์ GH ไม่หายไป ซึ่งสำคัญต่อฤทธิ์ของ GH. PubMed
  • หมายเหตุ: ยังไม่มีข้อบ่งใช้ที่ได้รับอนุมัติสำหรับ CJC-1295 (with DAC); หลักฐานคลินิกเชิงผลลัพธ์ทางกายวิภาค/เมแทบอลิซึมระยะยาว ยังจำกัด เมื่อเทียบกับเปปไทด์ที่ขึ้นทะเบียน เช่น tesamorelin. U.S. Food and Drug Administration

ผลข้างเคียงและความเสี่ยง

  • ที่พบบ่อย (งานมนุษย์สุขภาพดี): ปฏิกิริยาที่ตำแหน่งฉีด (แดง คัน เจ็บ), อาการวาบร้อน/หน้าร้อนผ่าว, ปวดศีรษะ, คลื่นไส้/ปวดท้อง/ท้องเสีย, เวียนศีรษะ/ความดันตกชั่วคราว, หัวใจเต้นเร็วขึ้นชั่วคราว; ความชุกและความรุนแรงสัมพันธ์กับขนาดยา. U.S. Food and Drug Administration
  • IGF-1 อาจเกินช่วงปกติ โดยเฉพาะขนาดสูง (เช่น 250 µg/kg) → พึงระวังความเสี่ยงที่รู้จักของการกระตุ้นแกน GH/IGF-1 (เช่น ความทนกลูโคสแย่ลง, การคั่งน้ำ/บวม, carpal tunnel, ความเสี่ยงเนื้องอกในทฤษฎี). U.S. Food and Drug Administration
  • เหตุการณ์รุนแรงที่ถูกบันทึก: ในการทดลองระยะที่ 2 ในผู้ป่วย HIV-lipodystrophy ที่ได้รับยาสัปดาห์ละครั้ง มีรายงานผู้ป่วยเสียชีวิตจาก กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน หลังฉีดเข็มที่ 11 → การศึกษา ยุติ และไม่ตีพิมพ์ผล. (แพทย์ประจำการศึกษาประเมินว่าอาจสัมพันธ์โรคหลอดเลือดหัวใจเดิม แต่ถือเป็นสัญญาณความเสี่ยง). U.S. Food and Drug Administration
  • ประเด็นคุณภาพผลิตภัณฑ์: ปี 2025 มีข่าว เรียกคืน CJC-1295 แบบ prefilled syringes ของผู้ผลิตรายหนึ่งในสหรัฐฯ เนื่องจาก “ขาดหลักประกันความปลอดเชื้อ” ตอกย้ำความเสี่ยงจากผลิตภัณฑ์คอมปาวด์/นอกทะเบียน. HMP Global Learning Network

ปริมาณการใช้ (อ้างจากงานวิจัยในมนุษย์—ไม่ใช่คำแนะนำการรักษา)

  • การศึกษาแบบสุ่มปกปิดสองฝ่ายในอาสาสมัครสุขภาพดีใช้ ฉีดใต้ผิวหนัง
    • Single-ascending dose: 30, 60, 125, 250 µg/kg ครั้งเดียว. U.S. Food and Drug Administration
    • Multiple dose (รายสัปดาห์/สองสัปดาห์ ภายใน 14 วัน): 20 µg/kg ×3 เข็ม, 30 µg/kg ×2–3 เข็ม, 60 µg/kg ×2 เข็ม. U.S. Food and Drug Administration
  • ขนาด 30–60 µg/kg มักทนได้ดีกว่า และให้ผลเพิ่ม GH/IGF-1 ที่ชัดเจน. PubMed
  • ไม่มีฉลากยาขึ้นทะเบียน จึงไม่มี “ขนาดมาตรฐาน” สำหรับการรักษาโรคในคน; การใช้ที่พบในฟอรั่ม/คลินิกทางเลือก (เช่น “สัปดาห์ละครั้งเป็นมิลลิกรัมคงที่”) ไม่ใช่ข้อมูลจากการทดลองคุณภาพสูง และมีความเสี่ยง. U.S. Food and Drug Administration

ระยะเวลาการใช้ในการศึกษา

  • การทดลองในอาสาสมัคร: ติดตาม 28–49 วัน (ให้ 2–3 เข็มใน 2 สัปดาห์แรก) เพื่อดู PK/PD และความปลอดภัยระยะสั้น. PubMed
  • การศึกษาในผู้ป่วย HIV-lipodystrophy (ที่ถูกยุติ): ออกแบบเป็น 12 สัปดาห์ ฉีดสัปดาห์ละครั้งแบบไต่ขนาดช่วงต้น. U.S. Food and Drug Administration

ข้อควรระวัง/ข้อจำกัด

  • ไม่มีข้อมูลประสิทธิผลเชิงผลลัพธ์ (องค์ประกอบร่างกาย/อัตราป่วยตาย) ที่เพียงพอในผู้ป่วย; ไม่แนะนำใช้ใน GHD ที่ “สมบูรณ์” เพราะจำเป็นต้องมีต่อมพิทูอิทารีที่ยังตอบสนอง GHRH. U.S. Food and Drug Administration
  • ความปลอดภัยระยะยาว (ภูมิคุ้มกันต่อยา/เสี่ยงเนื้องอก/เมแทบอลิซึมกลูโคส) ยังไม่ทราบแน่ชัด; การใช้จากแหล่งคอมปาวด์มีความเสี่ยงด้านคุณภาพผลิตภัณฑ์. U.S. Food and Drug Administration / HMP Global Learning Network

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

  • การทดลองหลักในคน: Teichman 2006 (JCEM)—ครึ่งชีวิต ~5.8–8.1 วัน; GH/IGF-1 เพิ่มนานหลายวัน. PubMed
  • กลไก/พัลส์ GH: Ionescu & Frohman 2006 (JCEM)—พัลส์ GH ยังคงอยู่แม้กระตุ้นต่อเนื่อง, trough-GH สูงขึ้น. PubMed
  • รีวิวเชิงกลไก/ครึ่งชีวิต: Chapter 2009 (PMC รีวิว)—เหตุผลด้าน DAC–albumin และครึ่งชีวิต ~6–8 วัน. PMC
  • สรุปเชิงกำกับดูแล/ความปลอดภัยและขนาดที่ใช้ในการศึกษา: เอกสารประชุมคณะกรรมการ PCAC ของ FDA (12/2024)—ดือยืนยันโดสที่ศึกษา, รายการ AE, เหตุการณ์หัวใจ, และข้อกังวลด้าน IGF-1/ภูมิคุ้มกัน. U.S. Food and Drug Administration
  • ข่าวเรียกคืนผลิตภัณฑ์คอมปาวด์ (ปลอดเชื้อ): Pharmacy Learning Network, 07/2025. HMP Global Learning Network

สรุปสั้น: CJC-1295 (with DAC) เป็นอนาล็อก GHRH แบบครึ่งชีวิตยาว (~6–8 วัน) ที่เพิ่ม GH/IGF-1 ได้นานและคงพัลส์ GH ไว้ได้ แต่ข้อมูลประสิทธิผลคลินิกและความปลอดภัยระยะยาวยังจำกัด; มีสัญญาณ AE ตั้งแต่ปฏิกิริยาที่ตำแหน่งฉีดจนถึงเหตุการณ์รุนแรงในงานเฉพาะ และมีประเด็นคุณภาพผลิตภัณฑ์คอมปาวด์ จึงควรตีความและใช้อย่างระมัดระวังภายใต้การดูแลแพทย์.

แนวทางการใช้ CJC-1295 (with DAC) Wellness Peptides

แนวปฏิบัติภาคสนาม/ฟอรั่ม” ของสายฟิตเนส–anti-aging ที่ใช้ CJC-1295 with DAC เพื่อกระตุ้นแกน GH–IGF-1 โดยอาศัยครึ่งชีวิตยาว (~6–8 วัน) ของตัว DAC

เป้าหมายที่มักคาดหวัง

  • ยก IGF-1 เข้าสู่ช่วงบนของค่าปกติเพื่อช่วยรีคัฟเวอรี คงมวลกล้าม และคุมไขมัน
  • ลดความถี่การฉีดเมื่อเทียบกับกลุ่ม no-DAC (Mod GRF 1-29)
  • ใช้เป็น “ฐาน” แล้วใส่พัลส์ GH ด้วย GHRP/Ipamorelin ช่วงก่อนนอน

รูปแบบ–การผสม

  • ผงไลโอฟิไลซ์ 2 mg หรือ 5 mg/ขวด ละลายด้วย BAC water ภายใต้เทคนิคปลอดเชื้อ
  • ตัวอย่างตั้งความเข้มข้นเพื่อคุมโดส: 2 mg + BAC 2 mL → 1 mg/mL (0.1 mL = 100 µg)
  • เก็บ 2–8 °C หลังผสม ใช้ให้หมดภายใน 2–4 สัปดาห์

วิธีฉีด

  • ฉีดใต้ผิวหนัง (SC) ที่หน้าท้อง/ต้นขาด้านนอก สลับตำแหน่งทุกครั้ง
  • เวลาให้ “ไม่เคร่ง” เพราะออกฤทธิ์ยาว แต่หลายคนเลือกตอนเย็นเพื่อรวมคิวฉีดกับสแตกอื่น

ขนาดโดสที่เล่าขาน (ตัวเลขภาคสนาม)

  • คงที่รายสัปดาห์: 1.0–2.0 mg สัปดาห์ละ 1 ครั้ง
  • แบ่งโดส: 0.5–1.0 mg สัปดาห์ละ 2 ครั้ง (เช่น จันทร์/พฤหัส) เพื่อ “เรียบ” ผลข้างเคียง
  • โหลดช่วง 1–2 สัปดาห์แรก (บางราย): 2.0 mg ครั้งแรก → เดิน 1.0 mg/สัปดาห์ ต่อ
  • เทียบตามน้ำหนัก (อิงงานทดลองเดิม): ~30–60 µg/kg ต่อเข็ม ให้ สัปดาห์ละครั้งหรือสองสัปดาห์/2–3 เข็มแรก แล้วประเมิน

ความถี่และการจับจังหวะ

  • ด้วยครึ่งชีวิตยาว คนส่วนใหญ่ยึด “สัปดาห์ละครั้ง” เป็นแกน
  • หากแบ่ง สัปดาห์ละ 2 ครั้ง ให้ห่างกัน ~3–4 วัน (เช่น อา/พฤ)
  • หลีกเลี่ยงฉีดถี่ “วันเว้นวัน” เพราะเสี่ยง IGF-1 สูงเกิน/บวม/ชามือ

สแตกที่มักใช้ร่วม

  • Ipamorelin 100–300 µg ก่อนนอน 3–7 คืน/สัปดาห์ เพื่อเพิ่ม “พัลส์ GH” บนฐาน CJC-DAC
  • เทียบ Mod GRF 1-29 (no-DAC): ถ้าต้องการพัลส์สั้นคม/คุม IGF-1 แน่น หลายคนเลือก Mod GRF + GHRP วันละ 1–3 ครั้ง แทน CJC-DAC
  • หลีกเลี่ยงสแตกกับ GH ฉีด/Hexarelin ขนาดสูง หากมีประวัติคาร์เดียกหรือชาตามมือ เพราะเพิ่มโอกาส บวม–carpal tunnel/น้ำตาลแกว่ง

ระยะเวลาคอร์ส

  • 8–12 สัปดาห์ เป็นคอร์สมาตรฐานภาคสนาม → พัก 4–8 สัปดาห์ แล้วประเมิน
  • โปรเจ็กต์ยาวอาจถึง 16 สัปดาห์ หากทนได้ดีและการตรวจติดตามอยู่ในเกณฑ์

สิ่งที่ผู้ใช้มักติดตาม

  • IGF-1: baseline → สัปดาห์ 6–8 → ทุก 8–12 สัปดาห์ (เลี่ยงเกินช่วงอ้างอิง โดยเฉพาะ >+2–3 SDS)
  • กลูโคส/ HbA1c: baseline และทุก 8–12 สัปดาห์ (เฝ้าระวังทนกลูโคสแย่ลง)
  • อาการคั่งน้ำ/ชามือ ปวดข้อ/ปวดศีรษะ/ใจสั่น และ ปฏิกิริยาที่ตำแหน่งฉีด
  • เส้นรอบเอว/องค์ประกอบร่างกาย และสมรรถภาพการฝึก (วัตถุประสงค์)

การจัดการผลข้างเคียง (ที่เล่าขาน)

  • บวม/ชามือ: ลดโดสรวมต่อสัปดาห์ (เช่น จาก 2.0 → 1.0–1.5 mg), เปลี่ยนเป็นแบ่ง 2 ครั้ง/สัปดาห์
  • เวียนศีรษะ/หน้าแดง/ใจสั่น: เลื่อนเวลาให้เป็นตอนเย็นและลดโดสเข็มถัดไป
  • ผื่นบริเวณฉีด: สลับตำแหน่ง–เข็มใหม่ทุกครั้ง; หากรุนแรงให้หยุดและประเมินสิ่งปนเปื้อน/แพ้สารทำละลาย

เกณฑ์หยุดหรือทบทวน

  • IGF-1 > +3 SDS ซ้ำ ๆ หรือสูงเกินช่วงอ้างอิงร่วมกับอาการ
  • กลูโคสแย่ลงชัด (FPG/HbA1c ขยับขึ้น)
  • อาการคั่งน้ำ/ชามือรุนแรง, ใจสั่น/เจ็บหน้าอก, ปฏิกิริยาเฉพาะที่รุนแรง
  • ไม่เห็นประโยชน์ชัดหลัง 8–12 สัปดาห์ แม้ปรับวิธีแล้ว

กลุ่มที่ภาคสนามเตือน “ไม่ควรใช้”

  • ตั้งครรภ์/ให้นม, ประวัติมะเร็งยังไม่พ้นระยะเฝ้าระวัง, ความผิดปกติแกนต่อมใต้สมอง–ต่อมหมวกไต, โรคหัวใจ-หลอดเลือดรุนแรงที่ยังไม่เสถียร
  • นักกีฬาที่อยู่ภายใต้กติกา WADA (สารกระตุ้น GH/ปัจจัยที่เกี่ยวข้องอยู่ในกลุ่มต้องห้าม)

ตัวอย่างโปรโตคอลแบบย่อ (ฉีดใต้ผิวหนัง)

  • วัน 0: ตรวจ IGF-1, กลูโคส/HbA1c, บันทึกเอว/น้ำหนัก/อาการฐาน
  • สัปดาห์ 1–4: CJC-1295 DAC 1.0 mg SC สัปดาห์ละ 1 ครั้ง
  • สัปดาห์ 5–8: ถ้าทนดีและยังต้องการเพิ่มผล → 1.5–2.0 mg/สัปดาห์ หรือแบ่ง 0.75–1.0 mg สัปดาห์ละ 2 ครั้ง
  • เสริม (ถ้าต้องการพัลส์): Ipamorelin 100–200 µg ก่อนนอน 5–7 คืน/สัปดาห์
  • สัปดาห์ 6–8: เช็ก IGF-1/กลูโคส และอาการ → ปรับโดส/หยุดตามผล
  • ครบสัปดาห์ 8–12: ประเมินผลรวม → พัก 4–8 สัปดาห์ก่อนรอบถัดไป