Selective estrogen receptor modulators (SERMs) คือกลุ่มของยาที่มีผลต่อตัวรับอิสโตรเจนในเซลล์ต่างๆ ของร่างกาย แต่มีผลกระทบที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับประเภทของเนื้อเยื่อ นั่นคือ ในบางเนื้อเยื่อ SERMs จะทำหน้าที่เป็น agonist (กระตุ้น) ในขณะที่ในเนื้อเยื่ออื่นๆ อาจทำหน้าที่เป็น antagonist (ยับยั้ง).
ตัวอย่างของ SERMs ได้แก่:
- Tamoxifen: ใช้ในการรักษาและป้องกันมะเร็งเต้านม. ในเนื้อเยื่อเต้านม, tamoxifen ทำหน้าที่เป็น antagonist ทำให้มีการยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง แต่ในเนื้อเยื่อกระดูกและเนื้อเยื่อร่างกายอื่นๆ tamoxifen อาจทำหน้าที่เป็น agonist.
- Clomiphene: ใช้สำหรับรักษาปัญหาความยากลำบากในการตั้งท้องในผู้หญิง โดยเฉพาะในกรณีที่ปัญหามาจากการไม่สามารถตกไข่ (ovulation) ได้ตามปกติ. Clomiphene ทำงานโดยการยับยั้งการตรวจจับฮอร์โมนอิสโตรเจนในสมอง ซึ่งทำให้สมองผลิตฮอร์โมนที่กระตุ้นการสร้างเซลล์ไข่ (FSH และ LH) มากขึ้น เพื่อกระตุ้นการตกไข่.
- Raloxifene: ใช้ในการรักษาและป้องกันการสูญเสียกระดูกในผู้หญิงหลังวัยเป็นปี (osteoporosis). Raloxifene ทำหน้าที่เป็น agonist ในเนื้อเยื่อกระดูกแต่เป็น antagonist ในเนื้อเยื่อเต้านม.
ความสามารถในการเลือกกระทำกับตัวรับอิสโตรเจนในเนื้อเยื่อต่างๆ ทำให้ SERMs มีประโยชน์ในการรักษาหลายๆ โรค แต่ยังมีผลข้างเคียงเฉพาะเจาะจงตามประเภทของยาและประเภทของเนื้อเยื่อที่ถูกระตุ้นหรือยับยั้ง.
Selective estrogen receptor modulators (SERMs) สำหรับนักเพาะกายหรือนักกีฬาใช้มันเพื่ออะไร?
สำหรับนักเพาะกายหรือนักกีฬา, SERMs บางตัวได้รับความนิยมในการใช้งานอย่าง “post-cycle therapy” (PCT) หลังจากการใช้สตีรอยด์อนาโบลิก (anabolic steroids) เพื่อช่วยฟื้นฟูระดับฮอร์โมนธรรมชาติในร่างกาย.
เมื่อนักเพาะกายใช้สตีรอยด์อนาโบลิก, ระดับฮอร์โมนเพศชาย (testosterone) ในร่างกายจะสูง, และเมื่อการใช้ยาหยุดลง, ร่างกายอาจมีปัญหาในการผลิตฮอร์โมนเพศชายธรรมชาติ. นอกจากนี้, การใช้สตีรอยด์อนาโบลิกอาจทำให้ระดับฮอร์โมนเพศหญิง (estrogen) สูงขึ้น, ซึ่งสามารถทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ เช่น การสะสมน้ำในร่างกาย, เพิ่มน้ำหนัก, และ ปัญหาการเจริญเติบโตของมะเร็งเต้านม.
SERMs เช่น Clomid (clomiphene citrate) หรือ Nolvadex (tamoxifen citrate) สามารถช่วยในการเร่งการผลิตฮอร์โมนเพศชายธรรมชาติและลดผลข้างเคียงที่เกี่ยวกับอิสโตรเจน.