- Clomiphene (Clomid) / Half life คืออะไร?
- Clomiphene (Clomid) นักเพาะกายใช้ช่วงไหน?
- Side effect ที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ Clomiphene (Clomid) มีอะไรบ้าง?
- ปริมาณการใช้สำหรับ Clomiphene (Clomid) เป็นอย่างไร?
- แหล่งข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Clomiphene (Clomid)
Clomiphene หรือที่เรียกกันว่า Clomid
Clomiphene (ที่รู้จักในชื่อแบรนด์เป็น “Clomid”) เป็นยาที่ใช้เพื่อกระตุ้นการปลดปล่อยไข่ในร่างกายของผู้หญิง ยาชนิดนี้ส่วนใหญ่ถูกใช้ในการรักษาปัญหาการตั้งครรภ์ในผู้หญิงที่มีปัญหาในการปลดปล่อยไข่
การทำงานของ Clomiphene คือการผลักดันเกณฑ์ปฏิกิริยาที่เกี่ยวข้องกับการสร้างและปลดปล่อยฮอร์โมน โดยเฉพาะฮอร์โมนต่อมหน้าที่กระตุ้นการปลดปล่อยไข่ (FSH) และฮอร์โมนต่อมหลังที่กระตุ้นการปลดปล่อยไข่ (LH) ซึ่งสามารถนำไปสู่การเพิ่มการปลดปล่อยไข่
Clomiphene ถูกพัฒนาเพื่อใช้เป็นยาป้องกันการตั้งครรภ์ในปี 1950s แต่เมื่อทดสอบในสตรีที่มีปัญหาการตั้งครรภ์ พบว่ายานี้สามารถเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ได้
ในปี 1967, Clomid ได้รับการอนุมัติจาก FDA สำหรับการรักษาปัญหาการตั้งครรภ์เนื่องจากการไม่สามารถปลดปล่อยไข่
Clomiphene (Clomid) / Half life คืออะไร?
สำหรับ Clomiphene (Clomid):
- ชีวิตครึ่งวันของ Clomiphene อยู่ที่ประมาณ 5-7 วัน นั่นหมายความว่าหลังจากใช้ยา Clomiphene, จะใช้เวลาประมาณ 5-7 วันในการลดปริมาณยาในร่างกายลงไปครึ่งหนึ่งจากปริมาณเริ่มต้น
แต่ความยาวของชีวิตครึ่งวันนี้มีความหมายว่ายายังคงมีในร่างกายอยู่แม้ว่าคุณจะหยุดการรับประทาน และนี่เป็นเหตุผลที่แพทย์บางคนอาจจะแนะนำให้ผู้ป่วยเริ่มรับประทานยาในวันที่ 3-5 ของวงจรประจำเดือน และยังเป็นเหตุผลที่ผู้หญิงอาจยังมีการตอบสนองต่อยาแม้ว่าจะหยุดการรับประทานแล้ว
Clomiphene (Clomid) นักเพาะกายใช้ช่วงไหน?
Clomiphene (Clomid) ในบริบทของนักเพาะกายไม่ได้ใช้เพื่อจุดประสงค์เดียวกับการรักษาปัญหาการตั้งครรภ์ในผู้หญิง. นักเพาะกายบางคนใช้ Clomid เพื่อช่วยในการเร่งฟื้นฟูกิจกรรมของต่อมลูกฝูงในชายหลังจากการใช้สเตอรอยด์เครื่องเสริมประสิทธิภาพ (anabolic steroids).
ยาสเตอรอยด์ประเภทนี้สามารถยับยั้งการผลิตฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนธรรมชาติในต่อมลูกฝูง และ Clomid สามารถช่วยกระตุ้นการผลิตฮอร์โมนเหล่านี้ได้เมื่อยาสเตอรอยด์หยุดการใช้งาน.
นักเพาะกายมักใช้ Clomid ในช่วงที่เรียกว่า “Post Cycle Therapy” หรือ PCT ซึ่งเป็นช่วงเวลาหลังจากการใช้สเตอรอยด์เพื่อช่วยให้ร่างกายสามารถกลับมาทำงานในรูปแบบธรรมชาติและเพิ่มระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนในร่างกาย
Side effect ที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ Clomiphene (Clomid) มีอะไรบ้าง?
Clomiphene (Clomid) อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงในบางผู้ใช้ ซึ่งผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นมักขึ้นอยู่กับความแตกต่างของแต่ละบุคคล แต่ผลข้างเคียงที่รายงานได้จากการใช้ Clomid ได้แก่:
- อาการเกี่ยวกับระบบเกาะเนื้อและระบบลำไส้ : ปวดท้อง, ปวดเต้านม, เสียวในท้อง
- อาการเกี่ยวกับระบบประสาท: ศีรษะปวด, เวียนศีรษะ
- อาการเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ: คัน, ผื่น, อาจมีการแพ้ยา
- อาการในภาวะอารมณ์: ความวิตกกังวล, ภาวะซึมเศร้า, เรื่องฝันสุดท้าย
- การมองเห็น: การมองเห็นภาพคู่หรือภาพไม่ชัด
- ภาวะการเกิดการตั้งครรภ์หลายลูก: เนื่องจากยาส่งผลกระตุ้นการปลดปล่อยไข่
- ภาวะท้องน้อย: ซึ่งเกิดจากการขยายขนาดของรังไข่
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าผู้ที่ใช้ Clomid ในระยะเวลานาน ๆ มีโอกาสสูงขึ้นในการเกิดมะเร็งรังไข่ แต่ความสัมพันธ์นี้ยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างชัดเจน
ปริมาณการใช้สำหรับ Clomiphene (Clomid) เป็นอย่างไร?
การใช้ Clomiphene (Clomid) ในนักเพาะกายสำหรับการฟื้นฟูต่อมลูกฝูงหลังจากการใช้สเตอรอยด์เครื่องเสริมประสิทธิภาพ (anabolic steroids) มักจะมีปริมาณการใช้ที่แตกต่างจากผู้หญิงที่ใช้เพื่อการรักษาปัญหาการตั้งครรภ์. โดยปริมาณการใช้ที่ต้องการสำหรับ PCT (Post Cycle Therapy) มักจะขึ้นอยู่กับลักษณะและระยะเวลาของการใช้สเตอรอยด์.
ตัวอย่างปริมาณการใช้สำหรับ PCT (หมายเหตุ: ข้อมูลนี้มาจากการใช้งานในชุมชนนักเพาะกายและไม่ได้รับการอนุมัติโดย FDA):
- สัปดาห์ 1 – 2: 50-100 มิลลิกรัมต่อวัน
- สัปดาห์ 3 – 4: 25-50 มิลลิกรัมต่อวัน
ในบางกรณี, นักเพาะกายอาจใช้ Clomid ในร่วมกับยาตัวอื่น ๆ เช่น hCG หรือ Nolvadex เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการฟื้นฟูระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน.
แหล่งข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Clomiphene (Clomid)
รายงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์: คุณสามารถค้นหาวิจัยทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับ Clomiphene ในฐานข้อมูลวิจัยเช่น
PubMed Clomiphene / Google Scholar Clomiphene / Drugs.com Clomiphene / FDA.gov Clomiphene