มารู้จัก Clenbuterol (Clen) กันเถอะ


Clenbuterol (Clen)

Clenbuterol หรือที่เรียกกันว่า Clen

Clenbuterol เป็นยาที่มีคุณสมบัติเป็นตัวกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลางและเป็นตัวขยายหลอดลม. ในเรื่องของการใช้งานทางการแพทย์, มันถูกใช้เพื่อรักษาโรคหืดหรือโรคที่ทำให้หลอดลมคับตัวในบางประเทศ. แต่ในสหรัฐอเมริกา, clenbuterol ไม่ได้รับการอนุมัติสำหรับการใช้ในมนุษย์และเป็นยาที่ถูกควบคุมอย่างเข้มงวด.

นอกจากนี้, clenbuterol ยังมีคุณสมบัติที่ทำให้เกิดการเผาผลาญไขมันและเพิ่มกล้ามเนื้อ. ด้วยเหตุนี้, มันได้รับความนิยมในวงการกีฬาและการสร้างร่างกายเพื่อการใช้เป็นยาเสริมสร้างกล้ามเนื้อและลดไขมัน. แต่การใช้ clenbuterol เพื่อวัตถุประสงค์นี้ถือว่าเป็นการใช้ผิดประเภทและอาจมีผลข้างเคียงที่อันตราย.

ในประเทศไทย, clenbuterol เคยถูกใช้ในการเลี้ยงสัตว์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเติบโตของกล้ามเนื้อ. แต่เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับการสะสมของยาในเนื้อสัตว์และผลกระทบต่อสุขภาพของผู้บริโภค, การใช้ clenbuterol ในการเลี้ยงสัตว์ได้ถูกห้ามในหลายประเทศรวมถึงประเทศไทย.

Clenbuterol (Clen) / Half life คืออะไร?

“Half life” หรือ ชีวิตครึ่งนึง คือเวลาที่จำเป็นในการลดปริมาณของสารในร่างกายลงครึ่งหนึ่ง. สำหรับ Clenbuterol, ชีวิตครึ่งนึงของมันอยู่ในช่วงประมาณ 36-48 ชั่วโมง, ซึ่งหมายความว่าหลังจากที่คุณได้รับยา, มันจะใช้เวลาประมาณ 36-48 ชั่วโมงในการลดปริมาณของยาในร่างกายของคุณลงครึ่งหนึ่ง.

ชีวิตครึ่งนึงเป็นค่าที่สำคัญในการประเมินว่ายาจะอยู่ในร่างกายเป็นเวลาเท่าไหร่ และเมื่อควรให้ยาครั้งต่อไปเพื่อรักษาความเข้มข้นของยาในร่างกายให้อยู่ในระดับที่ต้องการ.

Clenbuterol (Clen) / Detection Time คืออะไร?

เวลาตรวจจับของ Clenbuterol อาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย, รวมถึงวิธีการตรวจสอบ, ปริมาณการใช้, ระยะเวลาการใช้, และเมตาบอลิซึมของแต่ละบุคคล. อย่างไรก็ตาม, ตามข้อมูลทั่วไป, Clenbuterol สามารถตรวจจับได้ในปัสสาวะหลังจากการใช้ยาเป็นเวลา 2-4 สัปดาห์ หรือบางครั้งอาจยาวขึ้น.

Clenbuterol (Clen) ช่วยลดไขมันได้อย่างไร?

ในวงการกีฬาและการสร้างร่างกาย, clenbuterol ได้รับความนิยมเนื่องจากคุณสมบัติในการเผาผลาญไขมันและเพิ่มกล้ามเนื้อ.

Clenbuterol ทำงานในการลดไขมันดังนี้:

  1. กระตุ้นตัวรับ β2-adrenergic: เมื่อ clenbuterol กระตุ้นตัวรับนี้, มันจะเพิ่มการปลดปล่อยนอร์เอพิเนฟรินและเอพิเนฟริน, ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่เพิ่มการเผาผลาญไขมัน.
  2. เพิ่มการเผาผลาญออกซิเจน: Clenbuterol ส่งผลให้เซลล์กล้ามเนื้อใช้ออกซิเจนมากขึ้น, ซึ่งส่งผลให้เกิดการเผาผลาญไขมันและการผลิตพลังงานเพิ่มขึ้น.
  3. เพิ่มอุณหภูมิร่างกาย: Clenbuterol สามารถเพิ่มอุณหภูมิร่างกายได้, ซึ่งเป็นการเพิ่มการเผาผลาญแคลอรีและไขมัน.
  4. เพิ่มการเผาผลาญโปรตีนและไขมัน: มีการรายงานว่า clenbuterol สามารถเพิ่มการเผาผลาญโปรตีนและไขมันในเซลล์กล้ามเนื้อ.
  5. ลดการสะสมไขมัน: มีการศึกษาบางรายงานว่า clenbuterol สามารถลดการสะสมของไขมันในเซลล์ได้.

Clenbuterol (Clen) นักเพาะกายใช้ช่วงไหน?

Clenbuterol (Clen) ได้รับความนิยมในวงการนักเพาะกายเนื่องจากคุณสมบัติในการเผาผลาญไขมันและเพิ่มกล้ามเนื้อ. สำหรับนักเพาะกาย, clenbuterol มักถูกใช้ในช่วง “cutting” หรือช่วงที่ต้องการลดไขมันในร่างกายให้น้อยที่สุด ในขณะที่ยังรักษาหรือเพิ่มกล้ามเนื้อ.

ช่วง “cutting” มักจะเกิดขึ้นหลังจากช่วง “bulking” ซึ่งเป็นช่วงที่นักเพาะกายพยายามเพิ่มกล้ามเนื้อและน้ำหนักร่างกายให้มากที่สุด. หลังจากนั้น, เมื่อเข้าสู่ช่วง “cutting”, นักเพาะกายจะพยายามลดไขมันและน้ำหนักให้ได้มากที่สุด โดยไม่สูญเสียกล้ามเนื้อ.

Clenbuterol จึงถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือช่วยในช่วงนี้ เนื่องจากความสามารถในการเพิ่มการเผาผลาญไขมัน แต่ยังคงรักษากล้ามเนื้อไว้. อย่างไรก็ตาม, ควรระวังผลข้างเคียงและควรปฏิบัติตามคำแนะนำในการใช้ยาอย่างเคร่งครัด.

Clenbuterol (Clen) ใช้ช่วงเพิ่มกล้ามเนื้อได้หรือไม่?

Clenbuterol มีคุณสมบัติในการลดการสลายของกล้ามเนื้อ, ซึ่งสามารถเป็นประโยชน์ในช่วง “cutting” หรือช่วงที่ต้องการลดไขมันและรักษากล้ามเนื้อ. ดังนั้น, ถ้าคุณกำลังพิจารณาใช้ Clenbuterol ในช่วงเพิ่มกล้ามเนื้อ, มันอาจไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุดเพื่อเพิ่มขนาดกล้ามเนื้อโดยตรง, แต่มันสามารถช่วยในการรักษากล้ามเนื้อที่คุณมีอยู่แล้ว.

Side effect ที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ Clenbuterol มีอะไรบ้าง?

Clenbuterol, ที่มักถูกใช้เป็นตัวขยายหลอดลมและเป็นยาเสริมสร้างกล้ามเนื้อ, มีผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นดังนี้:

  1. การเต้นของหัวใจเร็ว (tachycardia): Clenbuterol สามารถเพิ่มความเร็วของการเต้นของหัวใจ, ซึ่งอาจเป็นอันตรายในบางกรณี.
  2. การเพิ่มความดันโลหิต: การใช้ clenbuterol อาจทำให้เกิดการเพิ่มความดันโลหิต.
  3. สั่น: ผู้ที่ใช้ clenbuterol มักรายงานว่ามีอาการสั่น.
  4. ซึมเศร้า, ความว้าวุ่นและความวิตกกังวล: Clenbuterol สามารถกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง, ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการซึมเศร้า, ความว้าวุ่น, หรือความวิตกกังวล.
  5. อาการเหนื่อยง่าย: บางคนรายงานว่าพบอาการเหนื่อยง่ายหลังจากการใช้ clenbuterol.
  6. ปวดศีรษะ: อาการปวดศีรษะเป็นอีกหนึ่งผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น.
  7. เพิ่มอุณหภูมิร่างกาย: Clenbuterol สามารถเพิ่มอุณหภูมิร่างกาย, ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเผาผลาญไขมัน.
  8. ความผิดปกติของกล้ามเนื้อ: ในบางกรณี, clenbuterol อาจทำให้เกิดการสลายของกล้ามเนื้อ (muscle degeneration) หรือปัญหาที่เกี่ยวกับกล้ามเนื้อ.
  9. ปัญหาทางเดินหายใจ: แม้ว่า clenbuterol จะเป็นตัวขยายหลอดลม, แต่ในบางคนอาจพบปัญหาที่เกี่ยวกับการหายใจ.

ปริมาณการใช้สำหรับ Clenbuterol (Clen) เป็นอย่างไร?

การใช้ Clenbuterol (Clen) มักจะมีการปรับปริมาณและรูปแบบการใช้ตามความต้องการและการตอบสนองของร่างกาย. ด้านล่างนี้เป็นตัวอย่างของรูปแบบการใช้ยาที่เป็นที่นิยม:

  1. การเพิ่มขึ้นทีละน้อย (Pyramiding):
    • วันที่ 1-3: 20 mcg
    • วันที่ 4-6: 40 mcg
    • วันที่ 7-9: 60 mcg
    • วันที่ 10-12: 80 mcg
    • วันที่ 13-15: 100 mcg
    • แล้วลดลงในรูปแบบเดียวกัน
  2. การใช้ 2 วันแล้วหยุด 2 วัน (2 days on/2 days off):
    • วันที่ 1-2: 40 mcg
    • วันที่ 3-4: หยุด
    • วันที่ 5-6: 60 mcg
    • วันที่ 7-8: หยุด
    • และครั้งต่อไปในรูปแบบเดียวกัน
  3. การใช้ต่อเนื่องและหยุดทุก 3 สัปดาห์ (Continuous use with breaks):
    • ใช้ 120 mcg ต่อวันเป็นเวลา 3 สัปดาห์
    • หยุด 1 สัปดาห์
    • แล้วเริ่มต้นใหม่

สำหรับผู้หญิง, ปริมาณการใช้ยามักจะต่ำกว่าผู้ชาย, ดังนั้นควรปรับปริมาณตามความเหมาะสม.

Clenbuterol ใช้ไปนานๆร่างกายจะไม่ตอบสนองใช่หรือไม่?

หลังจากการใช้ Clenbuterol ไปเป็นเวลาบ้าง, ร่างกายจะเริ่มปรับตัวและลดการตอบสนองต่อยา. ซึ่งหมายความว่า, หากคุณใช้ยาในปริมาณเดิมเป็นเวลานาน, คุณอาจพบว่ามันไม่ได้ผลเท่าที่คาดหวังหรือไม่ได้ผลเหมือนกับตอนแรกที่เริ่มใช้.

เหตุผลหลักของการลดการตอบสนองนี้คือการลดจำนวนตัวรับ β2-adrenergic ในร่างกาย, ซึ่งเป็นตัวรับที่ Clenbuterol กระตุ้น. เมื่อตัวรับนี้ลดลง, การกระตุ้นจาก Clenbuterol จึงมีผลน้อยลง.

เพื่อเป็นการแก้ปัญหานี้, หลายคนเลือกที่จะใช้ Clenbuterol ในรูปแบบการใช้แบบสลับ (เช่น 2 วันใช้แล้วหยุด 2 วัน, หรือใช้ต่อเนื่องเป็นเวลา 2-3 สัปดาห์แล้วหยุดเพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อน). การหยุดการใช้ยาชั่วคราวจะช่วยให้ตัวรับ β2-adrenergic ฟื้นฟูและเพิ่มขึ้น, ทำให้ Clenbuterol มีผลอีกครั้งเมื่อเริ่มใช้ใหม่.

ถ้าร่างกายไม่ตอบสนองต่อ Clenbuterol หลังจากการใช้เป็นเวลานาน, บางครั้งผู้ใช้ยาอาจเลือกใช้ยาหรือสารเสริมอื่น ๆ เพื่อช่วยเพิ่มความได้เปรียบของ Clenbuterol หรือ “รีเซ็ต” ตัวรับ β2-adrenergic. ตัวอย่างของสารเสริมหรือยาที่ถูกใช้ร่วมกับ Clenbuterol ได้แก่:

Ketotifen: เป็นยาต้านฮีสตามีนที่มักถูกใช้เพื่อรักษาอาการภูมิแพ้. Ketotifen สามารถ “รีเซ็ต” ตัวรับ β2-adrenergic และช่วยให้ Clenbuterol มีผลอีกครั้งหลังจากการใช้เป็นเวลานาน.

ตัวอย่างการใช้ Clenbuterol ร่วมกับ Ketotifen อาจเป็นดังนี้:

  1. วันที่ 1-3:
    • Clenbuterol: 20 mcg
    • Ketotifen: ไม่ใช้
  2. วันที่ 4-7:
    • Clenbuterol: 40 mcg
    • Ketotifen: 1 mg ก่อนนอน
  3. วันที่ 8-11:
    • Clenbuterol: 60 mcg
    • Ketotifen: 1-2 mg ก่อนนอน
  4. วันที่ 12-14:
    • Clenbuterol: 80 mcg
    • Ketotifen: 2 mg ก่อนนอน

และทำซ้ำต่อไปในรูปแบบเดียวกัน, โดยปรับปริมาณ Clenbuterol และ Ketotifen ตามความต้องการและการตอบสนองของร่างกาย.

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติมที่คุณอาจสนใจเกี่ยวกับ Clenbuterol (Clen)

รายงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์: คุณสามารถค้นหาวิจัยทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับ Clenbuterol ในฐานข้อมูลวิจัยเช่น

PubMed Clenbuterol / Google Scholar Clenbuterol / Drugs.com Clenbuterol / FDA.gov Clenbuterol